วันพุธที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ทรงพระเจริญ


เก้ามิถุนาเวียนมาในครานี้ 
เป็นโอกาสอันดียิ่งนักหนา
วันเถลิงถวัลยราชสมบัติมา
องค์จักราภูมิพลของคนไทย

ธ ทรงเป็นร่มใจไทยทั้งชาติ
ธ ทรงช่วยปวงราษฎร์ไม่หวั่นไห
แม้อยู่เหนือใต้แดนเขตแคว้นใด
พระเมตตาแผ่ไปไกลให้ทุกคน

เก้ามิถุนาเวียนมาในครานี้
เราน้องพี่คนไทยทุกแห่งหน
ขอก้มกราบองค์สมเด็จภูมิพล
ผู้เปี่ยมล้นพระเมตตาบารมี

ขอพระองค์จงทรงพระเจริญ
ลูกจะเดินตามรอยเท้าพ่อคนนี
จะตั้งใจปฏิบัติตนเป็นคนดี
ให้สมที่เป็นคนของพระราชา...

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดช
ข้าพระพุทธเจ้า เพจสถานีไออุ่น
และเพจ 52 สัปดาห์ที่ฉันจะอ่านหนังสือ

#สถานีไออุ่น #52สัปดาห์ที่ฉันจะอ่านหนังสือ

ขอบคุณภาพจาก www.baannada.com














วันอังคารที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

Greeting สวัสดีค่ะ^^


สวัสดีตอนบ่ายๆ ค่ะ นานแล้วที่ไม่ได้เข้าบล็อกเลย แต่ยังอ่านทุกสัปดาห์นะคะ ยังทำตามที่ตั้งใจได้
แค่ไม่ได้โพสต์ในบล็อกแค่นั้นเอง
ส่วนใหญ่เราจะออนไลน์ในโทรศัพท์ค่ะ เลยสะดวกอัพในเฟสบุ๊คแฟนเพจมากกว่าค่ะ ยังไงจะพยายามมาอัพย้อนหลังให้นะคะ หรือถ้าใครสนใจดูรีวิวหนังสือในทุกสัปดาห์ สามารถกดไลค์ กดติดตามได้ในแฟนเพจ 52 สัปดาห์ที่ฉันจะอ่านหนังสือด้านข้างได้เลยค่ะ ขอบคุณใครก็ตามที่แวะมา ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ^^

ตุ๊ก
# 52 สัปดาห์ที่ฉันจะอ่านหนังสือ

วันอาทิตย์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2559

สัปดาห์ที่ 14 โลกนีมีคนอื่น


52 สัปดาห์ที่ฉันจะอ่านหนังสือ
สัปดาห์ที่ 14
หนังสือ โลกนี้มีคนอื่น

‘โลกนี้มีคนอื่น’ เป็นหนังสือที่เห็นแค่ชื่อก็สะดุดตาเราอย่างยิ่ง เราซื้อเก็บไว้ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ตามประสาคนชอบซื้อ แต่เพิ่งได้มาอ่านจริงจังก็วันนี้ เลยเอามารีวิวให้เพื่อนๆ ฟังเช่นเคย

‘โลกนี้มีคนอื่น’ เป็นหนังสือที่รวบรวมบทความตลอด 6 ปีที่คุณพชร สมุทวาณิช ผู้เขียนได้เขียนลงในนิตยสาร mars โดยถ่ายทอดผ่านเรื่องราวใน 3 หัวข้อหลัก ตัวตนของมนุษย์ ความสัมพันธ์และวิธีคิดในการใช้ชีวิต และ Speed, Rhythm and Time-Space (อัตราเร่ง จังหวะ และกาละเทศะ)

การนำเสนอของหนังสือเล่มนี้เป็นการเล่าเรื่องโดยยกเหตุการณ์ทั่วไป รวมทั้งเหตุการณ์ในชีวิตประจำวันของผู้เขียนมาเล่าให้ฟัง สั้นบ้าง ยาวบ้าง บางตอนสนุก บางตอนก็น่าเบื่อนิดหน่อย (เพราะไม่ค่อยถูกจริต) แต่ก็มีข้อคิดที่น่าสนใจหลายอย่าง บางอย่างก็ย้อนแย้งในที แต่ก็เป็นอะไรที่โดนใจไม่เบา...

“ทำไมคนไม่กล้าแซงคิว แต่เวลาขับรถกลับกล้าแซง อันนี้อาจจะมองว่า เวลาแซงคิวต่อหน้ามันเห็นแก่ตัว อาจโดนด่าประณามให้อายกันกลางฝูงชน แต่การอยู่ในรถนั้นถือว่ามีเกราะปกป้องตัวตนของคนขับให้พ้นไปจากการเห็นตัวตน”

“ถูกต้องหรือถูกใจของแต่ละคนมีส่วนผสมที่แตกต่างกันออกไป ถูกของเราอาจไม่ถูกของเขา ถูกของเขาอาจไม่ถูกของเรา ถูกของคนจำนวนมากอาจไม่ถูกของคนจำนวนน้อย และถูกของเธอก็อาจจะไม่ใช่ถูกของฉัน”

“มองหมาแล้วก็มองตัวเอง บางครั้งคนเราก็แกว่งเท้าหาเสี้ยน ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลัง บางเรื่องรู้ว่าไม่ดีต่อตัวเอง เป็นโทษแก่ตัวเองก็ยังทำ ถ้าหมาพูดได้ หมาคงบอกว่าเสียดายที่หมานับถือ”

ข้อความเหล่านี้เป็นตัวอย่างหนึ่งที่อยู่ในหนังสือ ‘โลกนี้มีคนอื่น’ เรื่องเล่าธรรมดาๆ ที่หลายอย่างก็น่าสนใจทีเดียว สิ่งที่เราชอบในเล่มนี้คงเป็นความกล้าเล่าของผู้เขียน และเพราะความกล้าเล่านี้ จึงทำให้เรื่องเล่าธรรมดาๆ ไม่ธรรมดาขึ้นมา ลองอ่านดูนะคะ^^
......................................................

ข้อมูลหนังสือ

ชื่อหนังสือ: โลกนี้มีคนอื่น
ผู้แต่ง: พชร สมุทวาณิช
สำนักพิมพ์บ้านพระอาทิตย์ พิมพ์ครั้งแรก ตุลาคม 2558 จำนวน 192 หน้า ราคา 190 บาท

#รีวิวหนังสือ #52สัปดาห์ที่ฉันจะอ่านหนังสือ #โลกนี้มีคนอื่น #พชร #สมุทวาณิช #บ้านพระอาทิตย์

สัปดาห์ที่ 13 ข้ามภพข้ามชาติ


52 สัปดาห์ที่ฉันจะอ่านหนังสือ
สัปดาห์ที่ 13 
หนังสือ ข้ามภพ ข้ามชาติ

เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา เรามีโอกาสได้อ่านเรื่องราวน่าสนใจเรื่องหนึ่งในเว็บไซต์พันทิปโดยบังเอิญและติดตามต่อในแฟนเพจระยะหนึ่ง 'ข้ามภพ ข้ามชาติ' เป็นชื่อของเรื่องและแฟนเพจนั้น 

'ข้ามภพ ข้ามชาติ' เป็นเรื่องราวของอรวรรณ หรือ อร เด็กสาว ม.ปลายในโรงเรียนแห่งหนึ่ง อรมักฝันแปลกๆ ถึงตัวเองและเพื่อนๆ ที่เธอไม่รู้จักในชีวิตจริงเสมอ หากแต่ในฝันทุกอย่างดูคุ้นเคยและชัดเจน ราวกับเธออยู่ในเหตุการณ์นั้นจริงๆ เธอมักจะฝันซ้ำๆ อยู่บ่อยครั้ง อาจต่างสถานที่บ้าง แต่เพื่อนๆ ที่อยู่ร่วมในความฝันยังเป็นคนเดิม จวบจนวันหนึ่งที่อรมีโอกาสไปเที่ยวจังหวัดสงขลากับครอบครัว ทำให้เธอพบกับรูปภาพเก่าๆ ของเด็กผู้หญิงสิบคนที่ถูกถ่ายเมื่อเกือบร้อยปีที่ผ่านมา ที่น่าประหลาดใจคือ หนึ่งในเด็กผู้หญิงเหล่านั้นมีคนหนึ่งที่หน้าตาละม้ายคล้ายกับเธอเป็นที่สุด ยิ่งไปกว่านั้น เด็กผู้หญิงคนอื่นๆ ในภาพ คือ เพื่อนในความฝันของเธอนั่นเอง

นั่นเป็นจุดเริ่มต้นให้อรวรรณพบกับดวงวิญญาณของอมรศรี พร้อมกับความจริงที่ว่าเธอคือคนเดียวกับเอมอร เด็กหญิงที่หน้าคล้ายเธอคนนั้น รวมถึงสัญญาที่เธอให้ไว้กับบัวคลี่ น้องเล็กในกลุ่ม ซึ่งยังคงเฝ้ารอให้เธอไปทำตามสัญญานั้น

อรวรรณจึงต้องออกตามหาเด็กหญิงบัวคลี่ หรือคุณยายบัวคลี่ที่ตอนนี้คงมีอายุเกือบร้อยปีแล้ว โดยมีครูก้อง เป็นกำลังหลักในการตามหา มีครูท่านอื่นๆ ในโรงเรียน รวมถึงเพื่อนๆ ของครูก้องที่จังหวัดพัทลุงคอยให้ความช่วยเหลือ และแน่นอนที่ขาดเสียไม่ได้ คือ ดวงวิญญาณของคุณยายอมรศรีนั่นเอง

เสน่ห์ของเรื่องนี้คงเป็นความสามารถของผู้เขียนที่ทำให้คนอ่านสงสัยอยู่ตลอดว่ามันคือเรื่องจริงหรือเรื่องที่แต่งเติมขึ้นจากจินตนาการ แม้ว่าสำนวนในช่วงหลังๆ รวมทั้งเรื่องราวที่สื่อออกมา จะดูเกินจริง เหมือนนิยายมากไปสักหน่อย แต่กระนั้นสำหรับคนที่เคยอ่านตั้งแต่แรกๆ ยังอดสงสัยไม่ได้ว่า สำนวนนิยายนั้นมาจากการต้องการแก้ความเข้าใจผิดว่าเป็นเรื่องจริง หรือเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากประเด็นดังกล่าว

แต่ไม่ว่าจะอย่างไร 'ข้ามภพ ข้ามชาติ' ก็เป็นนิยายอีกเรื่องที่น่าสนใจไม่น้อย นอกจากจะมีเหตุการณ์ชวนขนลุกแทรกมาเป็นระยะๆ ให้คนอ่านหลอนเล่นๆ แล้ว ผู้เขียนยังสอดแทรกความรู้เรื่องโนราห์ ประวัติต่างๆ ตลอดจนสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดพัทลุงได้อย่างน่าสนใจ จนเราเริ่มรู้สึกว่า ถ้ามีโอกาสก็น่าจะลองแวะไปเยี่ยมชมสักครั้ง แต่หวังว่าจะไม่เจอเหตุการณ์ชวนขนลุกระหว่างทางหรอกนะ

............................................

ข้อมูลหนังสือ
ชื่อหนังสือ : ข้ามภพ ข้ามชาติ
ผู้แต่ง : ครู ข้างวังฯ (ครูก้อง)
แพรวสำนักพิมพ์ พิมพ์ครั้งที่ 2 กุมภาพันธ์ 2559
จำนวน 182 หน้า ราคา 165 บาท

#52สัปดาห์ที่ฉันจะอ่านหนังสือ #รีวิวหนังสือ #ข้ามภพข้ามชาติ #นิยาย


ปล. ขออภัยที่ลงช้านะคะ เวลาอัพในโทรศัพท์จะเข้าบล็อกไม่สะดวกเท่าไหร่เลยเน้นลงที่แฟนเพจเป็นหลักค่ะ แต่ถ้าว่างเข้าคอมก็จะมาอัพย้อนหลังให้นะคะ ไม่รู้จะมีใครอ่านรีวิวบ้างไหม แต่ถ้ามีก็ขออภัยด้วยนะคะ^^

วันอาทิตย์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2559

สัปดาห์ที่ 12 เสริมปัญญา พัฒนาสมองซีกขวา ชุด อัจฉริยะด้านรูปร่างและรูปทรง



52 สัปดาห์ที่ฉันจะอ่านหนังสือ
สัปดาห์ที่ 12 
หนังสือ เสริมปัญญา พัฒนาสมองซีกขวา ชุด อัจฉริยะด้านรูปร่างและรูปทรง

สัปดาห์ที่แล้วเราได้รีวิวหนังสือนิทานเด็กไป ในสัปดาห์นี้มาต่อที่หนังสือเด็กอีกสักเล่มนะคะ ซึ่งหนังสือเด็กเล่มนี้เป็นหนึ่งในเล่มที่เราเคยใช้สอนลูกศิษย์ตัวน้อย เป็นหนังสือที่จะช่วยให้เด็กๆ ได้ฝึกทักษะ พัฒนาสมองซีกขวาในราคาสบายกระเป๋า

หนังสือเสริมปัญญา พัฒนาสมองซีกขวา ชุด อัจฉริยะด้านรูปร่างและรูปทรง เป็นหนึ่งในสี่ของชุดเสริมปัญญาพัฒนาสมองซีกขวา ที่เด็กๆ จะได้สนุกสนานหรรษาไปกับเกมต่างๆ เช่น การนับกล่อง หาของที่มีรูปร่างเหมือนกัน โดยมีการนำเสนอผ่านหนังสือภาพสีสันสนใส ถูกใจเด็กๆ นอกจากนี้ยังมีสติ๊กเกอร์ให้ใช้ในการเล่นเกมอีกด้วย

นอกจากเด็กๆ จะได้รับความสนุกสนาน ได้เรียนรู้เรื่องรูปร่างและทรงต่างๆ แล้ว หนังสือเล่มนี้ยังช่วยเสริมสร้างพื้นฐาน เพิ่มทักษะด้านการสังเกตให้กับน้องๆ หนูๆ เรียกได้ว่าเป็นหนังสือเล่มบางๆ ราคาเบาๆ ที่ให้ประโยชน์ไม่เบาเลย

............................................

ข้อมูลหนังสือ

ชื่อหนังสือ : เสริมปัญญา พัฒนาสมองซีกขวา ชุด อัจฉริยะด้านรูปร่างและรูปทรง
ผู้เขียน : กองบรรณาธิการเอ็มไอเอส
สำนักพิมพ์เอ็มไอเอส จำนวน 38 หน้า ราคา 59 บาท พิมพ์ครั้งที่ 1 กันยายน 2554

ปล. แนะนำว่าควรใช้ควบคู่กับชุดเสริมปัญญา พัฒนาสมองซีกซ้ายนะคะ เด็กๆ จะได้ฝึกสมองทั้งสองซีกไปพร้อมๆ กัน แต่เนื่องจากเล่มนี้เป็นหนังสือเก่าที่เรามีนานแล้ว เลยไม่แน่ใจว่ายังมีหรือไม่ ยังไงลองสอบถามไปที่สำนักพิมพ์หรือดูตามร้านหนังสืออีกทีนะคะ ตั้งใจว่าจะเอาไปสอนหลานๆ แถวบ้าน เลยเอามาอ่าน มารีวิวให้ฟังค่ะ^^


ปล 2. ในเพจจะลงทุกวันอาทิตย์นะคะ ส่วนในบล็อกเป็นไปได้จะพยายามลงพร้อมกัน แต่บางทีถ้าไม่สะดวกจะเน้นที่เพจมากกว่าค่ะ 




วันศุกร์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2559

บทความ : อ่านนิทานอย่างไรให้เด็กสนใจฟัง


เล่านิทานอย่างไร ให้เด็กสนใจฟัง???

หลังจากเมื่สัปดาห์ที่ผ่านมา เราได้รีวิวหนังสือนิทานกุ๋งกิ๋ง หนังสือนิทานสำหรับเด็กไปแล้ว เลยมีความคิดว่าอยากจะแบ่งปันวิธีการเล่านิทานในแบบฉบับของเราให้เพื่อนๆ ได้ฟังด้วย เผื่อจะพอมีประโยชน์อยู่บ้าง จริงๆ ก็เป็นวิธีง่ายๆ ที่หลายคนทำเป็นประจำอยู่แล้ว แต่อาจจะมีบางคนที่ยังไม่เคย ลองอ่านดูนะคะ.................................................

เล่านิทานอย่างไร ให้เด็กสนใจฟัง

การเล่านิทานเป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่หลายท่านคุ้นเคยเป็นอย่างดี เป็นสิ่งที่หลายคนมองว่าเป็นเรื่องง่าย แค่มีหนังสือนิทานอยู่กับตัว มีเรื่องที่อยากเล่า ก็สามารถอ่าน สามารถเล่าให้เด็กๆ ฟังได้แล้ว แต่ถึงแม้จะฟังดูง่ายดาย พอปฏิบัติจริงก็ไม่ง่ายนัก ยิ่งการเล่าให้เด็กหลายๆ คนฟังยิ่งยากมากขึ้นไปอีก นั่นเพราะความสนใจและสมาธิของเด็กแต่ละคนแตกต่างกัน แต่ถึงกระนั้นก็ยังพอมีวิธีที่จะช่วยให้น้องๆ หนูๆ สนใจฟังนิทานของเรา วิธีง่ายๆ ที่อยากให้ลองทำ...

1. เลือกเรื่องที่จะเล่า
อย่างที่หลายท่านทราบดีว่าเด็กแต่ละช่วงวัยมีความสนใจแตกต่างกัน ดังนั้นจึงควรเลือกเรื่องที่เหมาะสมกับช่วงวัยนั้นๆ เช่น เด็กวัย 2-4 ขวบ มักสนใจเรื่องราวใกล้ตัว ชอบนิทานคำกลอนที่มีภาพประกอบสีสันสดใส ดูมีชีวิตชีวา แต่ขณะเดียวกันก็สนใจสิ่งใดสิ่งหนึ่งเพียงช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น ผู้เล่าจึงควรเลือกเนื้อหาที่เข้าใจง่าย ไม่ยาวและไม่สั้นจนเกินไป อาจเป็นนิทานคำกลอนสอนใจ นิทานคุณธรรม หรือนิทานสร้างสุขลักษณะอย่างกุ๋งกิ๋งที่เราเคยรีวิวไปก็เป็นตัวเลือกที่ใช้ได้เช่นกัน

2. เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม
อุปกรณ์ประกอบการเล่านิทานเป็นสิ่งหนึ่งที่ดึงความสนใจของเด็กๆ ได้ดี ซึ่งผู้เล่าสามารถนำของเล่นของน้องๆ หนูๆ เช่น รถยนต์ของเล่น ตุ๊กตา หุ่นมือ มาเป็นอุปกรณ์ประกอบการเล่าได้ หรือหากมีเวลาก็สามารถประดิษฐ์อุปกรณ์ด้วยตนเอง โดยอาจพาเด็กๆ วาดรูปตัวละครต่างๆ ระบายสีสันให้สวยงาม ทำเป็นหน้ากากสวมใส่เวลาเล่าเรื่อง ซึ่งนอกจากเด็กๆ จะสนุกกับนิทาน สนุกกับการเตรียมอุปกรณ์แล้ว ยังได้ฝึกทักษะด้านอื่นๆ อีกด้วย แต่หากท่านใดไม่สะดวกในการเตรียมสิ่งของเหล่านี้ หนังสือนิทานที่มีรูปภาพสีสันสดใสก็เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ประกอบการเล่าได้เช่นกัน

3. จัดสภาพแวดล้อมให้เหมาะสม
สภาพแวดล้อมอาจดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับใครหลายๆ คน แต่หากลองพิจารณาจะเห็นว่าสภาพแวดล้อมก็มีความสำคัญมากไม่แพ้ประเด็นไหน หากเราอยากจะเล่านิทานให้ลูกฟัง อยากให้ลูกได้ความรู้จากนิทานที่เราเล่า แต่รอบข้างมีแต่เด็กวิ่งเล่นสนุกสนาน ลูกของเราอาจสนใจสิ่งรอบข้างมากกว่าสิ่งที่เราจะเล่าก็เป็นได้ การจัดสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมจึงเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้เด็กสนใจในนิทานของเรา

4. น้ำเสียง บุคลิก ท่าทางของผู้เล่า

หัวใจสำคัญของการเล่านิทานให้เด็กๆ ฟัง คือตัวผู้เล่าเอง ผู้เล่าควรเลือกใช้น้ำเสียงให้เหมาะสมกับเนื้อเรื่อง สูงบ้าง ต่ำบ้าง เพื่อให้เด็กสนใจ สีหน้า ท่าทางก็ต้องเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เช่น ใช้น้ำเสียงสดใส ยิ้มร่าเริง สนุกสนานเพื่อประกอบการเล่าตอนที่ตัวละครกำลังอารมณ์ดี มีความสุข ใช้น้ำเสียงสั่นเครือ เศร้าๆ แกล้งร้องไห้ เวลาตัวละครเสียใจกับเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่ง เป็นต้น

นิทานเป็นสิ่งที่ช่วยเสริมสร้างจินตนาการ ความรู้ คุณธรรม และทักษะต่างๆ ให้เด็กๆ แต่สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากเด็กๆ ไม่สนใจ ไม่สนุก ไม่รู้สึกคล้อยตามในสิ่งที่เล่าไป วิธีการเล่านิทานจึงเป็นเรื่องสำคัญ เป็นช่องทางหนึ่งที่จะทำให้เด็กเข้าถึงเนื้อหาได้เป็นอย่างดี

วิธีที่เรานำเสนอไปเป็นเพียงวิธีหนึ่งในการเล่านิทานเท่านั้น หากเพื่อนๆ มีวิธีที่แตกต่างกันออกไป สามารถมาเล่ามาแชร์กันได้นะคะ^^

ขอให้มีความสุขกับการอ่านค่ะ^^

#52สัปดาห์ที่ฉันจะอ่านหนังสือ #หนังสือเด็ก#นิทาน #เล่านิทาน #รีวิว #เด็ก

วันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2559

สัปดาห์ที่ 11 กุ๋งกิ๋งหัวเหม็น

52 สัปดาห์ที่ฉันจะอ่านหนังสือ
สัปดาห์ที่ 11
หนังสือ กุ๋งกิ๋งหัวเหม็น Kung King's Hair Stinks



หากถามถึงหนังสือโปรดของเด็กๆ ที่สอนเรื่องสุขลักษณะ และความรู้ต่างๆ เชื่อแน่ว่านิทานชุดกุ๋งกิ๋ง ต้องติดหนึ่งในรายชื่อหนังสือเหล่านั้น...

เรารู้จักกุ๋งกิ๋งครั้งแรก เมื่อครั้งเป็นคุณครูโรงเรียนอนุบาลใหม่ๆ และเริ่มคุ้นเคยกับเด็กน้อยน่ารักๆ คนนี้มาเรื่อยๆ เมื่อต้องใช้เรื่องราวของเธอมาสอนเพื่อนๆ วัยแสบซนทั้งหลาย

กุ๋งกิ๋งหัวเหม็น เป็นหนึ่งในนิทานกุ๋งกิ๋งที่เด็กๆ ชอบกัน เรื่องนี้เป็นเรื่องของหนูน้อยกุ๋งกิ๋งที่เล่นปลอมตัวเป็นคนชรา เอาแป้งทาหัวทาหน้าจนทั่ว แต่ไม่ยอมสระผม จนเริ่มคัน ผมก็มีกลิ่นเหม็น เพื่อนๆ ก็ไม่อยากเข้าใกล้เพราะเข้าใจว่ากุ๋งกิ๋งเป็นเหา กุ๋งกิ๋งเลยได้บทเรียนเล็กๆ ว่าควรต้องสระผมให้สะอาด

สำหรับเล่มที่เราเคยใช้สอนยังเป็นภาษาไทยล้วน แต่ตอนนี้กุ๋งกิ๋งของเรามีเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษแล้วนะคะ นอกจากจะสนุก เด็กๆ ได้เรียนรู้เรื่องสุขลักษณะแล้ว ยังได้ฝึกภาษาอังกฤษไปในตัวด้วย

หนังสือนิทานกุ๋งกิ๋งจึงเป็นหนังสือเด็กอีกเล่มที่อยากแนะนำค่ะ
............................................

ข้อมูลหนังสือ
ชื่อหนังสือ : กุ๋งกิ๋งหัวเหม็น Kung King's Hair Stinks
ผู้แต่ง : มลฤดี ทองกลอย
ภาษาอังกฤษ : จุฬา บิลอับดุลล่าห์
ภาพประกอบ : นพดล กำจรไพศาล
ช่วงวัย : 4-6 ปี
สำนักพิมพ์ แฮปปี้คิดส์
จำนวน 24 หน้า ราคา 95 บาท

#52สัปดาห์ที่ฉันจะอ่านหนังสือ
#กุ๋งกิ๋งหัวเหม็น #รีวิวหนังสือ